คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนเพื่อศึกษากลยุทธ์การเทรด แต่สุดท้ายกลับพบว่ามันใช้งานไม่ได้ผลหรือไม่? ความผิดหวังอาจรุนแรงถึงขนาดทำให้หลายคนเลิกเล่นตลาดไปเลย นั่นเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะตลาดการเงินอาจเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่มนุษย์รู้จัก และวิธีการที่ประสบความสำเร็จในการนำทางตลาดก็มีอยู่จริง หนึ่งในนั้นที่ได้รับความไว้วางใจจากเราตลอดหลายปีที่ผ่านมาคือหลักการ Elliott Wave สองค่ายความคิด เมื่อพูดถึงตลาดการเงิน มีวิธีการวิเคราะห์มากมายที่สัญญาว่าจะช่วยปรับปรุงผลลัพธ์การเทรดของคุณ โดยแนวคิดหลักแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis) และการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ค่ายพื้นฐานจะมุ่งเน้นที่: เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมเฉพาะ บริษัทเฉพาะ โดยอาศัยข้อมูลเศรษฐกิจ รายงานอุตสาหกรรม และงบการเงินบริษัทเป็นหลัก แม้แหล่งข้อมูลที่ดูจำกัดเหล่านี้ก็สามารถนำไปสู่วิธีการที่แตกต่างกันมากมาย เช่น: การลงทุนแบบ Value Investing การลงทุนแบบ Growth Investing กลยุทธ์ Event-driven การทำ Merger Arbitrage และอื่นๆ ในขณะที่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจะมุ่งเน้นที่กราฟราคาของเครื่องมือทางการเงิน โดยมองหารูปแบบที่เกิดซ้ำเพื่อคาดการณ์อนาคต รวมถึง: การวิเคราะห์แท่งเทียน รูปแบบ Head & Shoulders แบบคลาสสิก รูปแบบ Flags และ Triangles รูปแบบ Cup […]
ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตคืออะไร? ทฤษฎีคลื่นเอลเลียต (Elliott Wave Theory), หลักการคลื่นเอลเลียต (Elliott Wave Principle) หรือคลื่นเอลเลียต (Elliott Waves) ถูกค้นพบโดย Ralph Nelson Elliott โดยเขาได้พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์นี้ในช่วงทศวรรษ 1930 และใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยามวลชนและแนวโน้มทางสังคมในการสร้างแผนภูมิ Elliott ได้พัฒนาระบบการวิเคราะห์ตลาดที่มีเหตุผล เขาเสนอว่าราคาตลาดมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบเฉพาะ และได้แยกแยะรูปแบบการเคลื่อนไหว 13 รูปแบบที่เกิดซ้ำในราคาตลาดแต่ไม่จำเป็นต้องเหมือนกันในแง่ของเวลาหรือระดับราคา เขาได้ตั้งชื่อ กำหนด และอธิบายรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งเชื่อมโยงรูปแบบเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นรูปแบบที่ใหญ่ขึ้น รูปแบบเหล่านี้จะเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างรูปแบบที่เหมือนกันในขนาดที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ตามทฤษฎีคลื่นเอลเลียต หลังจากทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพฤติกรรม สามารถสร้างแบบจำลองหลายรูปแบบที่จุดสุดขีด ซึ่งจะช่วยกำหนดการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในระยะสั้น ทฤษฎีนี้เสนอว่าการเคลื่อนไหวของตลาดที่สำคัญใดๆ มีลักษณะเป็นวัฏจักร โดยมี 5 คลื่นในทิศทางของแนวโน้มหลักและ 3 คลื่นในทิศทางตรงกันข้าม คลื่น 5 คลื่นแรกเรียกว่าคลื่นขับเคลื่อน (Motive cycles) และอีก 3 คลื่นเรียกว่าคลื่นแก้ไข (Corrective) การสร้างแบบจำลองนี้จะเพิ่มความน่าจะเป็นในการคาดการณ์ที่แม่นยำพร้อมการเข้าและออกจากแนวโน้มตลาดได้อย่างเหมาะสม นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมทฤษฎีคลื่นเอลเลียตจึงถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาด Ralph Elliott มองตลาดอย่างไร? […]
จะเริ่มนับคลื่นอีเลียตจากตรงไหนดี? นี่เป็นคำถามที่มักถูกถามโดยผู้เริ่มต้นศึกษาทฤษฎีคลื่นอีเลียต ผู้เริ่มต้นมักคิดว่าการนับคลื่นจะช่วยให้สามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของราคาในครั้งถัดไปได้ ยกตัวอย่างเช่น หากนักเทรดหรือนักวิเคราะห์นับคลื่นแบบ motive (เคลื่อนที่) ได้ 5 คลื่น พวกเขาก็จะคาดหวังว่าราคาจะลดลงในการเคลื่อนไหวครั้งถัดไปในรูปแบบคลื่นแก้ไข (corrective wave) แม้ว่าวิธีการพื้นฐานนี้อาจเหมาะสำหรับนักเทรดมือใหม่บางคน แต่วิธีนี้ถือเป็นความผิดพลาดใหญ่ที่คุณต้องหลีกเลี่ยง การนับคลื่นควรเริ่มจากข้อมูลที่มีระยะเวลายาวที่สุดเท่าที่มี ซึ่งจะแสดงรายละเอียดสำคัญที่ต้องพิจารณาเพื่อให้เข้าใจข้อมูลของคลื่นในระยะยาวและระยะกลางมากขึ้น วิธีการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาครั้งถัดไปโดยใช้คลื่นอีเลียต? จากภาพด้านบน เราสามารถระบุรูปแบบหลักของทฤษฎีคลื่นอีเลียตได้ง่าย และคาดการณ์ว่าหากคลื่นแบบ impulsive 5 คลื่นจบลง จะตามด้วยคลื่นแก้ไข 3 คลื่น และการแก้ไขจะสิ้นสุดที่ระดับ Fibonacci 50% หรือ 8% ซึ่งเป็นอัตราส่วนมาตรฐานสำหรับการแก้ไขคลื่น 2 ดังนั้น เราจะคาดหวังการปรับตัวขึ้นอย่างแรงในคลื่น impulsive ขาขึ้นที่ 3 ดังแสดงในภาพด้านล่าง [ข้อมูลย้อนหลัง 1 เดือน พร้อมการคาดการณ์] แต่ถ้าเรามีข้อมูลที่แสดงช่วงเวลาในอดีตที่ยาวนานขึ้น การคาดการณ์จะเปลี่ยนไปหรือไม่? ดูความแตกต่างของข้อมูลในภาพด้านล่าง [ข้อมูลย้อนหลัง 3 เดือน] แน่นอนว่าเมื่อมีข้อมูลในอดีตมากขึ้น เราจะเห็นความแตกต่างในการคาดการณ์ของเรา การแก้ไขจะสิ้นสุดในคลื่น 3 และกลับสู่แนวโน้มขาลงอีกครั้ง […]
คู่มือทฤษฎีคลื่นเอลเลียตคืออะไร? คู่มือทฤษฎีคลื่นเอลเลียตอธิบายรูปแบบทั้งหมดของทฤษฎีคลื่นเอลเลียต รวมถึงกฎเกณฑ์ แนวทาง โครงสร้างภายใน และอัตราส่วนฟิโบนักชี คู่มือนี้ช่วยย่นระยะเวลาและช่วยให้คุณเข้าใจทฤษฎีเอลเลียตได้อย่างง่ายดาย โดยถูกออกแบบมาให้เป็นเอกสารอ้างอิงเพียงฉบับเดียวที่คุณต้องใช้ ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตคืออะไร? ทฤษฎีคลื่นเอลเลียต หรือหลักการคลื่นเอลเลียต ถูกค้นพบโดย Ralph Nelson Elliott เขาพัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์นี้ในช่วงทศวรรษ 1930 โดยใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับจิตวิทยามวลชนและแนวโน้มทางสังคมมาใช้ในการวิเคราะห์กราฟ Elliott พัฒนาระบบการวิเคราะห์ตลาดอย่างมีเหตุผล เขาเสนอว่าราคาตลาดมีการเคลื่อนไหวในรูปแบบเฉพาะ และได้แยกแยะรูปแบบการเคลื่อนไหว 13 รูปแบบที่เกิดซ้ำในตลาด แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดซ้ำในแง่ของเวลาหรือระดับราคา เขาได้ตั้งชื่อ กำหนด และแสดงภาพรูปแบบต่างๆ พร้อมทั้งเชื่อมโยงรูปแบบเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อสร้างเป็นรูปแบบที่ใหญ่ขึ้น รูปแบบเหล่านี้เชื่อมต่อกันเพื่อสร้างรูปแบบที่เหมือนกันในขนาดที่ใหญ่ขึ้นไปอีก ตามทฤษฎีคลื่นเอลเลียต หลังจากทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคและพฤติกรรม สามารถสร้างโมเดลหลายรูปแบบ ณ จุดสุดขีด ซึ่งจะใช้กำหนดการเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในระยะสั้น ทฤษฎีนี้เสนอว่าการเคลื่อนไหวที่สำคัญของตลาดมีลักษณะเป็นวัฏจักร โดยมี 5 รอบในทิศทางของแนวโน้มหลัก และ 3 รอบที่เคลื่อนไหวสวนทางกับแนวโน้ม คลื่น 5 รอบเรียกว่าคลื่นขับเคลื่อน (Motive cycles) และอีก 3 รอบเรียกว่าคลื่นแก้ไข (Corrective) การสร้างโมเดลนี้เพิ่มโอกาสในการคาดการณ์ที่แม่นยำพร้อมจังหวะการเข้าและออกจากแนวโน้มตลาดที่เหมาะสม นี่คือเหตุผลที่ทฤษฎีคลื่นเอลเลียตถูกพิจารณาว่าเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคของตลาด คลื่นขับเคลื่อน […]
Highlights ประเภทของ Diagonal มี 2 แบบหลัก: Leading Diagonal (เกิดตอนเริ่มเทรนด์ในคลื่น 1 หรือ A) และ Ending Diagonal (เกิดตอนจบเทรนด์ในคลื่น 5 หรือ C) – ทั้งคู่เป็นรูปแบบพิเศษที่คลื่น 4 จะต้องทับซ้อนกับคลื่น 1 เสมอ Leading Diagonal มีโครงสร้างภายในแบบ 5-3-5-3-5: เป็นสัญญาณเริ่มต้นของการเคลื่อนไหวใหม่ สามารถเกิดได้ทั้งแบบหดตัว (คลื่น 1 ยาวที่สุด) และแบบขยายตัว (คลื่น 5 ยาวที่สุด) Ending Diagonal มีโครงสร้างภายในแบบ 3-3-3-3-3: มักเกิดหลังจากตลาดเคลื่อนที่ “เร็วเกินไป ไกลเกินไป” และเป็นสัญญาณเตือนการกลับตัวที่มีประสิทธิภาพ รูปแบบการหดตัวและขยายตัว: ทั้ง Leading และ Ending Diagonal สามารถเกิดได้ 2 แบบ […]
Highlights Fibonacci Retracement และ Extension คือ เครื่องมือทางเทคนิคที่ช่วยระบุจุดที่ราคาอาจหยุดหรือกลับตัว อาศัยการคำนวณจากลำดับตัวเลข Fibonacci และใช้กันอย่างแพร่หลายในการวิเคราะห์ทางเทคนิค Fibonacci Retracement และ Extension เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ใช้ระบุจุดที่ราคาอาจหยุดหรือกลับตัว โดยคำนวณจากการเคลื่อนไหวของราคาเริ่มต้น Fibonacci Retracement ใช้หาจุดที่ราคาอาจถอยกลับชั่วคราว ก่อนที่จะเคลื่อนไหวต่อในทิศทางเดิม ขณะที่ Extension ใช้คาดการณ์ว่าราคาอาจไปต่อถึงจุดไหนหลังจากการถอยกลับ ระดับสำคัญที่นิยมใช้คือ Retracement ที่ 23.6%, 2%, 50%, 61.8% และ Extension ที่ 100%, 161.8%, 200% โดย 61.8% ถือเป็น “อัตราส่วนทองคำ” ที่สำคัญที่สุด การใช้ระดับ Fibonacci Retracement และ Extension ในการเทรด หากคุณเคยเทรดในตลาดการเงิน คุณน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ Fibonacci retracements ซึ่งเป็นตัวชี้วัดทางเทคนิคนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก Leonardo Fibonacci โดยนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีในยุคกลาง […]